Last Updated on มกราคม 8, 2025 by admin
ใครที่ปลูกฟักทอง แล้วไม่ค่อยเห็นผล ปลูกแล้วติดลูกยาก หรือ ติดลูกแต่ ลูกเน่าและร่วงหล่นไปหมด มาลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้กันดู รับรองว่า เห็นผลจริงแน่นอน ปลูกขายก็ได้ ปลูกกินเองในครัวเรือนก็ดี
เพราะมั่นใจได้ว่าปลอดสารพิษจริงๆ และยังประหยัดค่าใช้จ่ายค่าผักไปอีก
สิ่งที่ต้องเตรียม
1 เมล็ดพันธุ์ฟักทอง ที่จะนำมาใช้ในการปลูก ควรเลือกเมล็ดพันธุ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ ไม่เก่าเก็บค้างปี
สะอาดปราศจากเชื้อโรคเชื้อรา ข้อนี้สำคัญมากถ้าไม่อยากปวดหัว เสียเวลาภายหลัง
2 ถุงเพาะ หรือกระถาง แนะนำให้เพาะเมล็ดอ่อนในกระถางก่อน ที่จะนำไปปลูกลงดิน เพื่อลดความเสี่ยง
จากการถูกรบกวน จากศัตรูพืช ที่จะมากัดกิน เช่นพวกมดหรือแมลงต่างๆ
3 ดินปลูก สามารถปรุงส่วนผสมเองก็ได้ หรือ ถ้าหากใครไม่สะดวก ก็สามารถซื้อสำเร็จจากร้านปลูกต้นไม้ได้เลย
ควรเลือกสูตรที่มีการระบายน้ำได้ดี
ขั้นตอนการปลูกฟักทอง
1 เวลาทิ่มเมล็ดลงในดินปลูก ควรใช้ด้านแหลม ทิ่มลง เพราะรากของฟักทอง จะงอกออกมาจากส่วนนั้น
เวลา หยอดเมล็ดลงถุงเพาะ ควรหยอดไว้หลายๆเมล็ด เนื่องจากอาจจะไม่ใช่ทุกเมล็ดที่จะงอกออกมากลายเป็นต้นอ่อน ฉีดน้ำให้ชุ่ม แล้วก็รอเมล็ดงอก
2 รอประมาณ 1 อาทิตย์ เมล็ดฟักทองที่ท่าน ปลูกไว้ ก็จะเริ่มงอกเป็นต้นอ่อนให้เห็น
3 รอจนต้นอ่อน โตพอประมาณ ก็สามารถ ย้ายลงดิน ได้เลย หรือ จะย้ายลง กระถางที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมก็สามารถทำได้
4 สำหรับท่านที่ ปลูกในกระถาง อาจจะรองก้นด้วย กาบมะพร้าวสับ ( อย่าลืมล้างสารแทนนินก่อน ) เพื่อเพิ่มการระบายของน้ำ ผู้ที่ย้ายปลูกลง ดิน อาจะใช้ขี้เถ้าแกลบ หรือแกลบดำรองก้นหลุม
5 เติมปุ๋ยคอก หรือ มูลไส้เดือน ลงในกระถาง เพื่อเพิ่มธาตุอาหาร แกลบดำจะใส่ด้วยก็ได้ จากนั้น นำต้นกล้าฟักทอง
มาลงปลูก วิธีนี้จะช่วยให้ ต้นกล้าฟักทองรากเดิน และตั้งต้นได้ไว
6 ควรจัดวาง แปลงปลูก ฟักทอง ในที่ที่ได้รับแสงแดด เพียงพอ หาก ไม่ได้แสงมากพอ จะให้ให้ฟักทอง ไม่ติดดอกไม่ติดลูก
7 ธรรมชาติ ของต้นฟักทอง จะมีเถา ซึ่งเลื้อยออกไปได้ไกล ควรหาท่อ ยาวๆ มาทำเป็นค้างฟักทอง ด้านบน เพื่อให้เถาเลื้อยขึ้นไปที่สูง เพื่อเป็นการประหยัดเนื้อที่ในการเพาะปลูก ไม่ทำให้แปลงปลูกรก จนยากต่อการบริหารจัดการ
8 เมื่อเวลาผ่านไป ประมาณ 2 อาทิตย์ สังเกตว่า ต้นฟักทองมีใบขนาดใหญ่ขึ้นแล้ว ก็ควรเติมปุ๋ย เพิ่มธาตุอาหาร
9 ในช่วงที่ต้น แตกใบ เป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่ต้องคอยเฝ้าระวัง พวก ศัตรูพืชเช่น หนอน เพลี้ยอ่อน แมลงหวี่ขาว ที่จะเข้าทำลาย อย่าลืมฉีดพ่น ชีวภัณฑ์ อย่างบิวเวอร์เรีย เมธาไรเซียม เพื่อป้องกัน
สำหรับเกษตรกร ที่ปลูกเป็นสวนใหญ่ในเชิงพาณิชย์ และไม่ได้ทำ เกษตรอินทรีย์ อาจจะพิจารณา ใช้สารเคมี ได้
10 เมื่อต้นฟักทอง โตจนเถายาว ขึ้น ควรหาเชือกมาผูกติดกับ ค้าง ที่ทำไว้ด้านบน
11 รอเวลา ประมาณ 40 วัน จาก วันที่เริ่มปลูก ต้นฟักทอง ควรจะมีการแทงช่อดอกออกมาให้เห็น
12 การปลูกฟักทอง ควรมีการตัดยอดออกเป็นระยะๆ เพื่อให้ติดผลไว
วิธีผสมเกสรฟักทองอย่างง่ายๆ
ดอกของ ฟักทอง เป็นดอกที่ไม่สมบูรณ์เพศ หมายถึง ในต้นฟักทอง 1 ต้นจะมีทั้งดอกตัวผู้ และตัวเมีย
ดอกตัวผู้ คือดอกที่ขึ้นมาโดด และมี แท่งเกสรอยู่ตรงกลางแท่งเดียว ส่วนดอกตัวเมีย
จะผลเล็กๆ อยู่ตรงขั้วดอก ใส่ ดอกจะมีแท่งเกสรอยู่ตรงกลาง 6 แท่ง
ผลฟักทอง จะเกิดขึ้นได้ต้องมี การผสมเกสร ระหว่างตัวผู้กับตัวเมียเสียก่อน
โดยธรรมชาติแล้ว การผสมเกสร จะเกิดขึ้น โดยแมลง อย่างผึ้ง หรือลม นำพาไป
แต่เราสามารถ ทำให้ ฟักทอง ติดผล 100% ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการผสมเกสรโดยธรรมชาติอย่างเดียว
ด้วยการ ผสมเกสรด้วยมือ กล่าวคือ การเด็ก ดอกตัวผู้ และทำการริดช่อดอกออก เหลือไว้แต่
แท่งเกสรตรงกลาง จากนั้น นำไปเขี่ยใส่ แท่งเกสรของดอกตัวเมีย
คุณค่าทางโภชนาการของฟักทอง
ฟักทองเป็นพืชผักที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก ด้วยรสชาติหวานอร่อย เนื้อสัมผัสที่หลากหลาย และคุณค่าทางโภชนาการสูง
ฟักทองอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่:
สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ: เช่น ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงสายตา
เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene): เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ มีส่วนช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และต้านอนุมูลอิสระ
วิตามินซี: ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณ และต้านอนุมูลอิสระ
วิตามินอี: ช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
โพแทสเซียม: ช่วยควบคุมความดันโลหิตและสมดุลของเหลวในร่างกาย
ใยอาหาร: ช่วยในระบบขับถ่าย ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ประโยชน์ต่อสุขภาพของฟักทอง
บำรุงสายตา: เบต้าแคโรทีน ลูทีน และซีแซนทีนในฟักทองมีส่วนช่วยบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม
เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระในฟักทองช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง บำรุงผิวพรรณ: วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
ควบคุมความดันโลหิต: โพแทสเซียมในฟักทองช่วยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
ช่วยลดน้ำหนัก: ฟักทองมีแคลอรี่ต่ำและมีใยอาหารสูง ทำให้รู้สึกอิ่มนานและช่วยควบคุมน้ำหนัก
ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง: สารต้านอนุมูลอิสระในฟักทองมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด บำรุงสุขภาพหัวใจ: ใยอาหารและโพแทสเซียมในฟักทองช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
อย่าลืมนำเทคนิค และขั้นตอนการปลูกฟักทอง เหล่านี้ไปใช้ รับรองว่า จะได้ผลผลิตเป็นลูกฟักทอง
สวยใหญ่ๆ ในเร็ววันแน่นอน
อยากปลูกฟักทองให้ ได้ผลผลิตที่แข็งแรง ปลูกง่ายโตไว ต้องเริ่มต้น ที่เลือกใช้
เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ สั่งซื้อ เมล็ดพันธุ์ ฟักทองได้ที่นี่เลย
หากไม่สะดวกสั่งซื้อสินค้า ผ่านระบบในเว็บไซต์ กรุณาโทร 095-5419953 หรือ แอดไลน์ @luckyworm
แอดมินของเรายินดีให้บริการค่ะ