มกราคม 8, 2025

Blog

เพลี้ยกระโดด: ศัตรูตัวร้ายทำลายข้าว

คลังบทความ
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

เพลี้ยกระโดด สีน้ำตาล (Nilaparvata lugens (Stål)) เป็นแมลงศัตรูพืชที่สำคัญในนาข้าวของประเทศไทย การระบาดของเพลี้ยชนิดนี้สามารถทำลายผลผลิตข้าวอย่างรุนแรง หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม การเข้าใจลักษณะและพฤติกรรมของเพลี้ยกระโดด รวมถึงวิธีการป้องกันกำจัดที่ถูกต้อง จะช่วยให้เกษตรกรสามารถปกป้องรักษาผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลักษณะ

เพลี้ยกระโดดเป็นแมลงปากดูดขนาดเล็ก มีลำตัวสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลปนดำ ลักษณะเด่นคือสามารถกระโดดได้ไกล และมีปีกช่วยในการบินเพื่อกระจายพันธุ์ไปยังพื้นที่ใหม่ๆ ตัวเต็มวัยมีอายุประมาณ 2 สัปดาห์ และสามารถวางไข่ได้มากถึง 300 ฟองในช่วงชีวิต
ตัวเต็มวัย: มีลำตัวยาวประมาณ 3-4 มิลลิเมตร สีสันตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนจนถึงสีน้ำตาลเข้ม

ปีก: มีทั้งชนิดปีกยาว (macropterous) และปีกสั้น (brachypterous)

ตัวอ่อน: มีสีขาวขุ่นหรือสีเหลืองอ่อน และจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อเติบโตขึ้น

เพลี้ยชนิดนี้มักอาศัยอยู่บริเวณโคนต้นข้าว ดูดกินน้ำเลี้ยงจากลำต้น ทำให้ต้นข้าวเหี่ยวเฉาและอาจตายได้

วัฏจักรชีวิต

เพลี้ยกระโดด สีน้ำตาลมีวงจรชีวิตที่สั้น แต่สามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว วัฏจักรชีวิตประกอบด้วย 4 ระยะ คือ ไข่ ตัวอ่อน ดักแด้ และตัวเต็มวัย ไข่จะถูกวางเรียงกันเป็นแถวตามเส้นกลางใบหรือกาบใบ ตัวอ่อนมีลักษณะคล้ายตัวเต็มวัยแต่มีขนาดเล็กกว่า และไม่มีปีก

ความเสียหายที่เกิดจากศัตรูพืชชนิดนี้

ดูดกินน้ำเลี้ยง: เพลี้ยจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นข้าว ทำให้ข้าวขาดสารอาหาร ใบเหลืองแห้ง และอาจตายได้
ถ่ายมูล: มูลของเพลี้ยจะทำให้ใบข้าวดำ และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อรา
เป็นพาหะนำโรค: เพลี้ยสามารถนำเชื้อไวรัสโรคใบหงิกมาสู่ต้นข้าวได้ ทำให้ข้าวแคระแกร็นและให้ผลผลิตน้อยลง

ปัจจัยที่ส่งเสริมการระบาด

สภาพอากาศ: อุณหภูมิที่สูงและความชื้นที่เหมาะสมจะส่งเสริมการเจริญเติบโตและการแพร่พันธุ์ของเพลี้ย
ความอ่อนแอของพืชพันธุ์ : ข้าวพันธุ์ที่อ่อนแอต่อการเข้าทำลายของเพลี้ย
การจัดการแปลงนา: การปลูกข้าวติดต่อกันหลายปีในแปลงเดียวกัน หรือการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนในปริมาณมากเกินไป จะทำให้เพลี้ยระบาดได้ง่ายขึ้น

แนวทางการป้องกันและกำจัด

การจัดการเพลี้ยกระโดดควรใช้วิธีการผสมผสาน ดังนี้:

  1. การจัดการแปลงนา:
    • ไม่ควรปลูกข้าวหนาแน่นเกินไป โดยใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ที่แนะนำคือ 10-15 กิโลกรัมต่อไร่
    • หลีกเลี่ยงการขังน้ำในแปลงนาตลอดเวลา ควรปล่อยให้น้ำมีระดับที่ทำให้ดินเปียกชื้น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมต่อการขยายพันธุ์ของเพลี้ย
  2. การใช้ปุ๋ย:
    • หลีกเลี่ยงการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนในปริมาณที่มากเกินไป เนื่องจากจะส่งเสริมการระบาดของเพลี้ย
  3. การเฝ้าระวังและสำรวจ:
    • หมั่นตรวจสอบแปลงนาอย่างสม่ำเสมอ หากพบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในปริมาณมากกว่า 10 ตัวต่อกอ ควรดำเนินการกำจัดทันที
  4. การใช้ศัตรูธรรมชาติ:
    • ส่งเสริมการใช้แมลงเช่น แตนเบียน ที่เป็นศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยเพื่อควบคุมประชากรของเพลี้ย

สารเคมีที่นิยมใช้ในการกำจัด

หากเกิดการระบาดจนเกินความคุม และจำเป็นต้องใช้สารเคมีในการกำจัด ควรเลือกใช้สารที่มีประสิทธิภาพและดังนี้

ไพมีโทรซีน (Pymetrozine): เป็นสารในกลุ่ม 9B ที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมเพลี้ย
ฟลอนิคามิด (Flonicamid): เป็นสารในกลุ่ม 29 ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดเพลี้ย
ฟิโพรนิล (fipronil) กลุ่มสาร 2B ใช้กำจัดเพลี้ยได้เป็นอย่างดี
อิมิดาโคลพริด (imidacloprid ) กลุ่ม 4A มีประสิทธิภาพกำจัดเพลี้ยได้ดีเช่นกัน

ข้อควรระวังในการใช้สารเคมี

1 ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากของสารเคมีอย่างเคร่งครัด
2 หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีในช่วงที่มีลมแรงหรือฝนตก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของสารเคมี
3 สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น ถุงมือ หน้ากาก และเสื้อผ้าที่ป้องกันการสัมผัสกับสารเคมีโดยตรงทุกครั้ง
ก่อนการใช้งาน

การจัดการเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอย่างมีประสิทธิภาพควรใช้วิธีการผสมผสานระหว่างการจัดการแปลงนา การใช้ปุ๋ย
อย่างพอเหมาะ การเฝ้าระวัง และการใช้สารเคมีที่มีประสิทธิภาพ

กำลังมองหา สารกำจัดแมลงในนาข้าวรึเปล่าคะ? สั่งซื้อได้ที่นี่เลย
ที่ร้าน lucky worm เรามีทั้ง ชีวภัณฑ์ ออแกนิค ที่ใช้กำจัดแมลงศัตรูพืช และสารเคมีที่ใช้กำจัดแมลง
เรามีใบอนุญาติขาย เคมีเกษตร ถูกต้องตามกฎหมาย ออกโดย กรมวิชาการเกษตร

หากไม่สะดวกสั่งซื้อสินค้า ผ่านระบบในเว็บไซต์ กรุณาโทร 095-5419953 หรือ แอดไลน์ @luckyworm
แอดมินของเรายินดีให้บริการค่ะ

เพิ่มเพื่อน

error: Content is protected !!