มกราคม 8, 2025

Blog

ผักเบี้ยใหญ่ เป็นได้ทั้งวัชพืช และสมุนไพรมากคุณค่า

คลังบทความ
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

ผักเบี้ยใหญ่ (Portulaca oleracea L.) หรือที่เรียกในบางพื้นที่ว่า “ผักเบี้ย” หรือ “ผักเบี้ยล้ม” เป็นวัชพืชที่พบได้ทั่วไปในเขตร้อนและเขตอบอุ่น รวมถึงประเทศไทย ซึ่งขึ้นง่ายในพื้นที่รกร้างหรือในแปลงเกษตรกรรม ผักเบี้ยใหญ่ไม่เพียงแต่เป็นวัชพืชที่ต้องควบคุมในแปลงเพาะปลูก แต่ยังเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการและใช้ประโยชน์ในทางสมุนไพรอีกด้วย

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ลำต้น

  • ลำต้นมีลักษณะอวบน้ำ สีม่วงแดง หรือเขียวอมแดง มีความยืดหยุ่นและเหนียว
  • ลำต้นทอดเลื้อยไปตามพื้นดินและแตกกิ่งก้านสาขา บางส่วนชูยอดตั้งขึ้นเล็กน้อย
  • ความยาวลำต้นสามารถเติบโตได้ถึง 30-40 เซนติเมตร

ใบ

  • ใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงข้ามกันตามข้อของลำต้น
  • รูปร่างใบเป็นรูปไข่กลับหรือรูปลิ่ม ขนาดใบกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร และยาว 2-4 เซนติเมตร
  • ใบมีลักษณะหนา อวบน้ำ ผิวใบเรียบมันเงา ด้านบนสีเขียวสด ด้านล่างสีออกแดง

ดอก

  • ดอกมีขนาดเล็ก สีเหลืองสด มักออกเป็นช่อตามข้อของลำต้นหรือปลายยอด
  • แต่ละช่อมีดอกประมาณ 3-5 ดอก กลีบดอกจำนวน 5 กลีบ รูปไข่กลับ

ผลและเมล็ด

  • ผลเป็นแบบแคปซูล เมื่อแก่จะแตกออกเพื่อปลดปล่อยเมล็ด
  • เมล็ดมีลักษณะกลมหรือรี สีดำ หรือเทาดำ มีขนาดเล็กมาก หนักประมาณ 0.5-1 มิลลิเมตร

การแพร่พันธุ์

ผักเบี้ยใหญ่เป็นวัชพืชที่แพร่พันธุ์ได้ทั้งทางเมล็ดและการงอกของลำต้น:

  1. เมล็ด
    • เมล็ดของผักเบี้ยใหญ่มีจำนวนมากในผลเดียว สามารถกระจายไปกับลม น้ำ หรือแมลงได้ง่าย
    • เมล็ดมีความทนทานสูง และสามารถงอกได้แม้อยู่ในสภาพดินที่ไม่สมบูรณ์
  2. ลำต้น
    • ลำต้นของผักเบี้ยใหญ่สามารถเจริญเติบโตได้อีก หากถูกตัดหรือขาด และยังคงความสามารถในการสร้างรากได้เมื่อสัมผัสกับดิน

สารเคมีที่นิยมใช้ในการกำจัด

ก่อนวัชพืชงอก (Pre-emergence)

  • อะซีโทคลอร์ (Acetochlor):
    เป็นสารกำจัดวัชพืชในดินที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้เพื่อป้องกันการงอกของวัชพืชใบกว้าง
    • อัตราการใช้: 300-500 มิลลิลิตร ผสมน้ำ 60-80 ลิตร ต่อพื้นที่ 1 ไร่

หลังวัชพืชงอก (Post-emergence)

  • 2,4-ดี (2,4-D Dimethylamine):
    เป็นสารกำจัดวัชพืชที่มีฤทธิ์ต่อพืชใบกว้าง
    • อัตราการใช้: 200-300 มิลลิลิตร ผสมน้ำ 60-80 ลิตร ต่อพื้นที่ 1 ไร่
  • อะมีทรีน (Ametryn):
    ใช้กำจัดวัชพืชใบกว้างและใบแคบในแปลงเกษตร โดยดูดซึมผ่านใบและราก
    • อัตราการใช้: 500 กรัม ผสมน้ำ 60-80 ลิตร ต่อพื้นที่ 1 ไร่

ถึงแม้ ผักเบี้ยใหญ่ จะกลายเป็นวัชพืช หากขึ้นในพื้นที่ที่ไม่ต้องการ แต่ในตัวมันเองก็สามารถ
นำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน เช่น

การใช้เป็นอาหาร

สามารถรับประทานได้ทั้งสดและปรุงสุก

  • ในอาหารสด:
    • ใบและลำต้นอ่อนสามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในสลัดสด คล้ายกับผักกาดหอม
    • มีรสชาติเปรี้ยวอ่อน ๆ และกรอบ ทำให้เหมาะสำหรับเมนูสุขภาพ
  • ในอาหารปรุงสุก:
    • สามารถลวก ต้ม หรือนำไปผัดร่วมกับอาหารประเภทต่าง ๆ เช่น ซุป แกง หรือเมนูผัด
    • ในบางวัฒนธรรม เช่น ตะวันออกกลาง นิยมนำมาดองหรือปรุงเป็นเมนูคล้ายสตูว์
  • คุณค่าทางโภชนาการ:
    ผักเบี้ยใหญ่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ ได้แก่
    • กรดไขมันโอเมก้า-3: ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
    • วิตามินเอและซี: เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
    • แร่ธาตุ: เช่น แมกนีเซียม แคลเซียม โพแทสเซียม และธาตุเหล็ก

การใช้เป็นสมุนไพร

ในตำราแพทย์แผนโบราณทั่วโลก ผักเบี้ยใหญ่ถูกนำมาใช้เพื่อบำบัดอาการต่าง ๆ ดังนี้:

  • ลดการอักเสบ:
    มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินอี และสารฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
  • บรรเทาอาการระบบทางเดินปัสสาวะ:
    ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ และช่วยรักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
  • บรรเทาอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร:
    • ใบและลำต้นมีสารเมือกที่ช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร
    • ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
  • ลดความดันโลหิต:
    เนื่องจากมีโพแทสเซียมสูง ช่วยควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกายและลดความดันโลหิต
  • แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย:
    ผักเบี้ยใหญ่บดหรือคั้นน้ำสามารถใช้ทาแผลเพื่อลดการระคายเคืองจากแมลงกัดต่อย

แม้ว่าผักเบี้ยใหญ่จะเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสมุนไพร แต่ในแง่ของการเกษตรนั้นถือเป็นวัชพืชที่ต้องควบคุมอย่างเหมาะสม การเลือกใช้วิธีการกำจัดทั้งแบบใช้สารเคมีและการควบคุมทางกายภาพอย่างเหมาะสม จะช่วยลดผลกระทบต่อพืชเพาะปลูกและสิ่งแวดล้อมได้

หากไม่สะดวกสั่งซื้อสินค้า ผ่านระบบในเว็บไซต์ กรุณาโทร 095-5419953 หรือ แอดไลน์ @luckyworm
แอดมินของเรายินดีให้บริการค่ะ

เพิ่มเพื่อน

error: Content is protected !!