Last Updated on มกราคม 29, 2025 by admin
“พริกเหลือง” พืชผักสวนครัวที่ใครๆ ก็ปลูกได้ แถมยังให้ผลผลิตที่นำไปสร้างสีสันและรสชาติเผ็ดร้อนอร่อยๆ ให้กับอาหารหลากหลายเมนู แต่จะปลูกอย่างไรให้ได้พริกเหลืองผลใหญ่ สีสวยสด และรสชาติจัดจ้านนั้น ต้องมีเคล็ดลับและเทคนิคดีๆ วันนี้เราจะมาเปิดคัมภีร์แนะนำวิธีปลูกพริกเหลืองแบบ Step-by-Step ตั้งแต่การเพาะเมล็ด เตรียมดิน ดูแล ไปจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิต ให้คุณปลูกพริกเหลืองได้ง่ายๆ แม้จะเป็นมือใหม่ก็ทำตามได้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพริกเหลือง
- ลำต้น: เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 0.5-1.5 เมตร ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านสาขามาก
- ใบ: ใบเดี่ยว ออกสลับ รูปไข่หรือรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียว
- ดอก: ดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบหรือปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาวหรือเหลืองอ่อน
- ผล: ผลมีขนาดเล็ก รูปทรงเรียวแหลม ยาวประมาณ 2-5 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จัดจะมีสีเหลืองสดใส
- เมล็ด: เมล็ดมีขนาดเล็ก สีเหลือง
วิธี ปลูกพริกเหลือง
1. การเตรียมเมล็ดพันธุ์
- เลือกเมล็ดพันธุ์: เลือกเมล็ดพันธุ์พริกเหลืองที่มีคุณภาพดี จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ หรือจากผลพริกเหลืองที่สมบูรณ์และแก่จัด
- เพาะเมล็ด:
- เตรียมวัสดุเพาะ: ใช้กระถางเพาะขนาดเล็ก หรือถาดเพาะที่มีวัสดุเพาะ เช่น พีทมอส หรือขุยมะพร้าว
- หว่านเมล็ด: หว่านเมล็ดพริกเหลืองลงในวัสดุเพาะให้ทั่ว แล้วกลบด้วยวัสดุเพาะบางๆ
- รดน้ำ: รดน้ำให้ชุ่ม แต่ระวังอย่าให้แฉะเกินไป
- ดูแลรักษา: วางกระถางเพาะในที่ที่มีแสงแดดรำไร และรดน้ำสม่ำเสมอ จนกระทั่งเมล็ดงอกเป็นต้นกล้า
2. การเตรียมดินและพื้นที่ปลูก
- เลือกพื้นที่ปลูก: เลือกพื้นที่ปลูกที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี และมีอินทรียวัตถุสูง
- เตรียมดิน:
- พรวนดิน: พรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร กำจัดวัชพืช และปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก
- ยกแปลง: ยกแปลงปลูกให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ดินระบายน้ำได้ดี
- ใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยรองพื้นสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ในอัตราส่วนที่เหมาะสม
3. การย้ายกล้าปลูก
- เลือกต้นกล้า: เลือกต้นกล้าพริกเหลืองที่แข็งแรง มีใบ 4-6 ใบ และสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร
- ย้ายปลูก:
- ขุดหลุม: ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดใหญ่กว่ากระถางเพาะเล็กน้อย
- นำต้นกล้าลงปลูก: นำต้นกล้าลงปลูกในหลุม โดยให้รากแก้วอยู่เสมอระดับดิน
- กลบดิน: กลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม และปักไม้ค้ำยัน
4. การดูแลรักษา
- รดน้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นพริกเหลืองออกดอกและติดผล ควรรดน้ำให้ชุ่ม แต่ระวังอย่าให้แฉะเกินไป
- ใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยเพิ่มเติมเมื่อต้นพริกเหลืองเริ่มออกดอกและติดผล โดยใช้ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือ 15-15-15
- กำจัดวัชพืช: กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้วัชพืชแย่งอาหารและแสงแดดจากต้นพริกเหลือง
- ป้องกันโรคและแมลง: หมั่นสังเกตอาการของโรคและแมลง หากพบให้รีบกำจัด
- ค้ำยัน: เมื่อต้นพริกเหลืองสูงขึ้น ควรค้ำยันกิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งหัก
5. การเก็บเกี่ยว
- สังเกตความสุก: สังเกตความสุกของผลพริกเหลือง โดยผลที่สุกจะมีสีเหลืองสดใส
- เก็บเกี่ยว: เก็บเกี่ยวผลพริกเหลืองโดยใช้กรรไกรตัดขั้วผล
พริกเหลือง: ไม่ได้มีดีแค่ความเผ็ดร้อน แต่ประโยชน์เพียบ!
พริกเหลือง ไม่ได้มีดีแค่รสชาติเผ็ดร้อนที่ช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับอาหารเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์มากมายที่ดีต่อสุขภาพ
1. แหล่งวิตามินซีชั้นดี
พริกเหลืองเป็นแหล่งของวิตามินซีที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญต่อร่างกาย วิตามินซีมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการสร้างคอลลาเจน และมีบทบาทในการรักษาบาดแผล
2. สารต้านอนุมูลอิสระ
นอกจากวิตามินซีแล้ว พริกเหลืองยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ อีกหลายชนิด เช่น แคโรทีนอยด์ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ
3. ช่วยลดน้ำหนัก
สารแคปไซซินในพริกเหลืองมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนักได้
4. บรรเทาอาการปวด
สารแคปไซซินยังมีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวด โดยสามารถใช้ทาภายนอกเพื่อลดอาการปวดกล้ามเนื้อ หรือปวดข้อได้ (
5. ช่วยให้เจริญอาหาร
รสชาติเผ็ดร้อนของพริกเหลืองสามารถช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
6. บำรุงหัวใจ
สารแคปไซซินในพริกเหลืองอาจมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
7. ดีต่อระบบทางเดินหายใจ
ความเผ็ดร้อนของพริกเหลืองสามารถช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก และช่วยให้หายใจโล่งขึ้น
โดยสรุปแล้ว การปลูกพริกเหลืองไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มสีสันให้กับสวนหรืออาหารของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ตั้งแต่การนำไปประกอบอาหาร การแปรรูป ไปจนถึงการใช้ในอุตสาหกรรมยา นอกจากนี้ การปลูกพริกเหลืองยังสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อีกด้วย
อ่านบทความดีๆกันแล้ว
แล้วอย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน