มกราคม 30, 2025

Blog

วิธี ปลูกพริกเหลือง ให้งาม พริกเยอะ ผลผลิตปัง

คลังบทความ
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

Last Updated on มกราคม 29, 2025 by admin

“พริกเหลือง” พืชผักสวนครัวที่ใครๆ ก็ปลูกได้ แถมยังให้ผลผลิตที่นำไปสร้างสีสันและรสชาติเผ็ดร้อนอร่อยๆ ให้กับอาหารหลากหลายเมนู แต่จะปลูกอย่างไรให้ได้พริกเหลืองผลใหญ่ สีสวยสด และรสชาติจัดจ้านนั้น ต้องมีเคล็ดลับและเทคนิคดีๆ วันนี้เราจะมาเปิดคัมภีร์แนะนำวิธีปลูกพริกเหลืองแบบ Step-by-Step ตั้งแต่การเพาะเมล็ด เตรียมดิน ดูแล ไปจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิต ให้คุณปลูกพริกเหลืองได้ง่ายๆ แม้จะเป็นมือใหม่ก็ทำตามได้

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพริกเหลือง

  • ลำต้น: เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 0.5-1.5 เมตร ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านสาขามาก
  • ใบ: ใบเดี่ยว ออกสลับ รูปไข่หรือรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียว
  • ดอก: ดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบหรือปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาวหรือเหลืองอ่อน
  • ผล: ผลมีขนาดเล็ก รูปทรงเรียวแหลม ยาวประมาณ 2-5 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จัดจะมีสีเหลืองสดใส
  • เมล็ด: เมล็ดมีขนาดเล็ก สีเหลือง

วิธี ปลูกพริกเหลือง

1. การเตรียมเมล็ดพันธุ์

  • เลือกเมล็ดพันธุ์: เลือกเมล็ดพันธุ์พริกเหลืองที่มีคุณภาพดี จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ หรือจากผลพริกเหลืองที่สมบูรณ์และแก่จัด
  • เพาะเมล็ด:
    • เตรียมวัสดุเพาะ: ใช้กระถางเพาะขนาดเล็ก หรือถาดเพาะที่มีวัสดุเพาะ เช่น พีทมอส หรือขุยมะพร้าว
    • หว่านเมล็ด: หว่านเมล็ดพริกเหลืองลงในวัสดุเพาะให้ทั่ว แล้วกลบด้วยวัสดุเพาะบางๆ
    • รดน้ำ: รดน้ำให้ชุ่ม แต่ระวังอย่าให้แฉะเกินไป
    • ดูแลรักษา: วางกระถางเพาะในที่ที่มีแสงแดดรำไร และรดน้ำสม่ำเสมอ จนกระทั่งเมล็ดงอกเป็นต้นกล้า

2. การเตรียมดินและพื้นที่ปลูก

  • เลือกพื้นที่ปลูก: เลือกพื้นที่ปลูกที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ดินร่วน ระบายน้ำได้ดี และมีอินทรียวัตถุสูง
  • เตรียมดิน:
    • พรวนดิน: พรวนดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร กำจัดวัชพืช และปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก
    • ยกแปลง: ยกแปลงปลูกให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ดินระบายน้ำได้ดี
    • ใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยรองพื้นสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ในอัตราส่วนที่เหมาะสม

3. การย้ายกล้าปลูก

  • เลือกต้นกล้า: เลือกต้นกล้าพริกเหลืองที่แข็งแรง มีใบ 4-6 ใบ และสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร
  • ย้ายปลูก:
    • ขุดหลุม: ขุดหลุมปลูกให้มีขนาดใหญ่กว่ากระถางเพาะเล็กน้อย
    • นำต้นกล้าลงปลูก: นำต้นกล้าลงปลูกในหลุม โดยให้รากแก้วอยู่เสมอระดับดิน
    • กลบดิน: กลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม และปักไม้ค้ำยัน

4. การดูแลรักษา

  • รดน้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นพริกเหลืองออกดอกและติดผล ควรรดน้ำให้ชุ่ม แต่ระวังอย่าให้แฉะเกินไป
  • ใส่ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยเพิ่มเติมเมื่อต้นพริกเหลืองเริ่มออกดอกและติดผล โดยใช้ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือ 15-15-15
  • กำจัดวัชพืช: กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้วัชพืชแย่งอาหารและแสงแดดจากต้นพริกเหลือง
  • ป้องกันโรคและแมลง: หมั่นสังเกตอาการของโรคและแมลง หากพบให้รีบกำจัด
  • ค้ำยัน: เมื่อต้นพริกเหลืองสูงขึ้น ควรค้ำยันกิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งหัก

5. การเก็บเกี่ยว

  • สังเกตความสุก: สังเกตความสุกของผลพริกเหลือง โดยผลที่สุกจะมีสีเหลืองสดใส
  • เก็บเกี่ยว: เก็บเกี่ยวผลพริกเหลืองโดยใช้กรรไกรตัดขั้วผล

พริกเหลือง: ไม่ได้มีดีแค่ความเผ็ดร้อน แต่ประโยชน์เพียบ!

พริกเหลือง ไม่ได้มีดีแค่รสชาติเผ็ดร้อนที่ช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับอาหารเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์มากมายที่ดีต่อสุขภาพ

1. แหล่งวิตามินซีชั้นดี

พริกเหลืองเป็นแหล่งของวิตามินซีที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญต่อร่างกาย วิตามินซีมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการสร้างคอลลาเจน และมีบทบาทในการรักษาบาดแผล

2. สารต้านอนุมูลอิสระ

นอกจากวิตามินซีแล้ว พริกเหลืองยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ อีกหลายชนิด เช่น แคโรทีนอยด์ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ

3. ช่วยลดน้ำหนัก

สารแคปไซซินในพริกเหลืองมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนักได้

4. บรรเทาอาการปวด

สารแคปไซซินยังมีฤทธิ์ในการบรรเทาอาการปวด โดยสามารถใช้ทาภายนอกเพื่อลดอาการปวดกล้ามเนื้อ หรือปวดข้อได้ (

5. ช่วยให้เจริญอาหาร

รสชาติเผ็ดร้อนของพริกเหลืองสามารถช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น

6. บำรุงหัวใจ

สารแคปไซซินในพริกเหลืองอาจมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด

7. ดีต่อระบบทางเดินหายใจ

ความเผ็ดร้อนของพริกเหลืองสามารถช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก และช่วยให้หายใจโล่งขึ้น

โดยสรุปแล้ว การปลูกพริกเหลืองไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มสีสันให้กับสวนหรืออาหารของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ตั้งแต่การนำไปประกอบอาหาร การแปรรูป ไปจนถึงการใช้ในอุตสาหกรรมยา นอกจากนี้ การปลูกพริกเหลืองยังสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อีกด้วย

อ่านบทความดีๆกันแล้ว
แล้วอย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน

เพิ่มเพื่อน

error: Content is protected !!