เมษายน 2, 2025

สินค้าของเรา

Blog

มนต์เสน่ห์ ต้นชงโค ดอกสีชมพูม่วง ที่ทำให้บ้านคุณสวยเหมือนในฝัน

คลังบทความ
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

Last Updated on มีนาคม 25, 2025 by admin

เมื่อฤดูหนาวเริ่มเยือนและลมเย็นพัดโชยมา หนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลก็คือ การผลิบานของดอกชงโค (Bauhinia purpurea) ไม้ยืนต้นที่แต่งแต้มสีสันให้กับผืนป่าและสวนสาธารณะด้วยดอกสีม่วงอมชมพูแสนสวย ชงโคไม่ได้เป็นเพียงแค่ไม้ประดับที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยเรื่องราวความเชื่อ ความหมาย และคุณประโยชน์มากมายที่น่าสนใจ ในบทความฉบับสมบูรณ์นี้ เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับต้นชงโคอย่างละเอียด ตั้งแต่ลักษณะทางพฤกษศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์ ความหมายอันลึกซึ้งในแง่มุมต่าง ๆ วิธีการปลูกและดูแลรักษา ไปจนถึงการนำไปใช้ประโยชน์

ต้นชงโค ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ชงโคเป็นพืชในวงศ์ถั่ว (Fabaceae) ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับพืชเศรษฐกิจหลายชนิด เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง และถั่วเขียว ลักษณะเด่นของพืชในวงศ์นี้คือ ผลที่เป็นฝัก ชงโคมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bauhinia purpurea ซึ่งบ่งบอกถึงลักษณะเด่นของดอกที่มีสีม่วง (purpurea ในภาษาละตินแปลว่า “สีม่วง”)

  • ลำต้น: ชงโคเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สามารถเติบโตได้สูงถึง 10-12 เมตร หรืออาจสูงกว่านั้นในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เปลือกต้นมีสีเทาหรือน้ำตาลอ่อน ผิวเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ดเล็กน้อย
  • ใบ: สิ่งที่ทำให้ชงโคโดดเด่นและเป็นที่จดจำได้ง่ายคือ ใบที่มีลักษณะเฉพาะตัว เป็นใบเดี่ยว (ใบไม้ย่อยเพียงใบเดียวบนก้านใบ) รูปทรงคล้ายหัวใจหรือรูปไต ปลายใบเว้าลึกคล้ายกับรอยแยก โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบมีสีเขียวสด และมีเส้นใบที่มองเห็นได้ชัดเจน
  • ดอก: ความงดงามของชงโคอยู่ที่ดอกสีม่วงอมชมพู สีชมพู หรือสีขาว (พบได้น้อย) ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกย่อยจำนวนมาก ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ โดยเฉพาะในตอนเช้า กลีบดอกมี 5 กลีบ รูปทรงรีหรือรูปไข่กลับ เกสรตัวผู้มีสีเหลืองสด ตัดกับสีของกลีบดอกอย่างสวยงาม
  • ผล: หลังจากดอกร่วงโรย ชงโคจะติดผลเป็นฝักแบนยาว ลักษณะคล้ายกับฝักถั่ว ฝักมีสีเขียว เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแตกออก ภายในฝักมีเมล็ดแบนหลายเมล็ด
  • ฤดูกาลออกดอก: ชงโคจะผลิดอกบานสะพรั่งในช่วงฤดูหนาวถึงฤดูร้อน หรือประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงพฤษภาคม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและภูมิภาค

ต้นชงโค ความหมาย

  • สัญลักษณ์แห่งความงามและความโชคดี: ในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก ชงโคได้รับการยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์ของความงาม ความโชคดี และความสำเร็จ ดอกสีม่วงอมชมพูที่สวยงามและรูปทรงใบที่แปลกตา ทำให้ชงโคเป็นที่นิยมในการนำไปใช้ในงานศิลปะและงานออกแบบต่าง ๆ
  • ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยและสถาบัน: ในประเทศไทย ชงโคมีความผูกพันกับสถาบันการศึกษาหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งใช้ดอกชงโคเป็นดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ชงโคยังเป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียนและสถาบันอื่น ๆ อีกมากมาย สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของชงโคในฐานะสัญลักษณ์แห่งความรู้และการศึกษา
  • ความเชื่อทางศาสนา: ในศาสนาฮินดู ดอกชงโคมีความเชื่อมโยงกับพระกฤษณะ เทพเจ้าแห่งความรักและความเมตตา ดอกชงโคมักถูกนำไปใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาและประดับตกแต่งเทวสถาน
  • ความหมายในภาษาดอกไม้: ชงโคสื่อความหมายถึงความรัก ความเสน่หา ความปรารถนาดี และความเอื้ออาทร หากมอบดอกชงโคให้ใครสักคน จะเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อผู้รับ
  • ตำนานและความเชื่อท้องถิ่น: ในบางท้องถิ่น มีตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับชงโคที่เล่าขานสืบต่อกันมา เช่น เชื่อว่าการปลูกชงโคไว้ในบ้านจะนำพาความโชคดีและความสุขมาให้ หรือเชื่อว่าการได้เห็นดอกชงโคบานสะพรั่งเป็นลางดี

วิธีการดูแลรักษาต้นชงโค

  • การปลูก:
    • แสงแดด: ชงโคเป็นไม้ที่ชอบแสงแดดจัด ควรปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดเต็มที่ตลอดวัน การได้รับแสงแดดที่เพียงพอจะช่วยให้ชงโคออกดอกได้ดกและสวยงาม
    • ดิน: ชงโคสามารถเติบโตได้ดีในดินหลายชนิด แต่ชอบดินร่วนที่มีการระบายน้ำดี ไม่ควรปลูกในดินที่แฉะหรือมีน้ำขัง เพราะจะทำให้รากเน่า
    • การให้น้ำ: ในช่วงแรกของการปลูก ควรรดน้ำให้ชุ่มเป็นประจำ เมื่อต้นเริ่มตั้งตัวได้แล้ว ควรรดน้ำเมื่อดินเริ่มแห้ง ไม่ควรรดน้ำมากเกินไปจนดินแฉะ
    • การใส่ปุ๋ย: ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อบำรุงต้นและส่งเสริมการออกดอก อาจใช้ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ (เช่น 15-15-15) ร่วมด้วยก็ได้ แต่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
  • การดูแลรักษา:
    • การตัดแต่งกิ่ง: ควรตัดแต่งกิ่งที่แห้ง เป็นโรค หรือกิ่งที่เกะกะออก เพื่อให้ทรงพุ่มสวยงามและโปร่งแสง การตัดแต่งกิ่งยังช่วยกระตุ้นให้ชงโคแตกกิ่งใหม่และออกดอกมากขึ้น
    • การป้องกันโรคและแมลง: ชงโคค่อนข้างทนทานต่อโรคและแมลง แต่ก็อาจพบปัญหาได้บ้าง เช่น โรคราแป้ง เพลี้ยแป้ง หรือหนอนกินใบ หากพบควรรีบกำจัดโดยใช้วิธีธรรมชาติหรือใช้สารเคมีตามความจำเป็น

การใช้ประโยชน์จากต้นชงโค

  • ไม้ประดับ: ชงโคเป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย นิยมปลูกเพื่อให้ร่มเงาและชมดอกที่สวยงาม เหมาะสำหรับปลูกในสวนสาธารณะ สวนหย่อม หรือบริเวณบ้าน
  • สมุนไพร: ชงโคมีสรรพคุณทางยาหลายประการ ตามตำรายาไทย:
    • ราก: ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ
    • ใบ: ใช้แก้ท้องเสีย แก้บิด
    • ดอก: ใช้เป็นยาแก้ร้อนใน
    • เปลือก: ใช้แก้ท้องร่วง
  • สีย้อมผ้า: เปลือกของต้นชงโคสามารถนำมาสกัดเป็นสีย้อมผ้าได้ ให้สีน้ำตาล
  • ไม้ใช้สอย: เนื้อไม้ของชงโคมีความแข็งแรงพอสมควร สามารถนำไปใช้ทำเครื่องเรือนหรือเครื่องมือทางการเกษตรได้ แต่ไม่เป็นที่นิยมมากนัก

ต้นชงโค ปลูกในบ้าน มีข้อควรระวังดังนี้

  1. ขนาดและพื้นที่: ชงโคเป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ที่สามารถเติบโตได้สูงและมีทรงพุ่มแผ่กว้าง หากพื้นที่บ้านมีจำกัด อาจทำให้ต้นชงโคอึดอัด และการตัดแต่งกิ่งบ่อยครั้งเกินไปก็อาจทำให้ต้นไม้ไม่สวยงามเท่าที่ควร
  2. ระบบราก: รากของชงโคค่อนข้างแข็งแรงและแผ่ขยายได้ไกล หากปลูกใกล้กับตัวบ้านหรือสิ่งปลูกสร้าง อาจทำให้รากชอนไชไปทำลายโครงสร้าง, ท่อน้ำ, หรือระบบสาธารณูปโภคใต้ดินได้
  3. แสงแดด: ชงโคต้องการแสงแดดเต็มที่ตลอดวัน หากปลูกในบริเวณที่ร่มเกินไป จะทำให้ต้นไม่แข็งแรง ออกดอกน้อย หรือไม่ออกดอกเลย
  4. ใบและดอกร่วง: ชงโคมีใบและดอกที่ร่วงหล่นตามฤดูกาล อาจสร้างภาระในการทำความสะอาด โดยเฉพาะหากปลูกใกล้สระน้ำ หรือบริเวณที่ต้องการความสะอาดเป็นพิเศษ

ต้นชงโค ราคาเท่าไหร่ ?

ราคาต้นชงโคมีความหลากหลายมาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่:

  • ขนาด: ต้นกล้าขนาดเล็ก (สูงไม่เกิน 1 เมตร) จะมีราคาถูกกว่าต้นที่โตแล้ว (สูงหลายเมตร) ราคาอาจเริ่มตั้งแต่หลักสิบถึงหลักร้อยบาทสำหรับต้นกล้า และหลักพันถึงหลักหมื่นบาทสำหรับต้นใหญ่
  • สายพันธุ์: ชงโคมีหลายสายพันธุ์ เช่น ชงโคฮอลแลนด์ ชงโคดอกขาว ชงโคแคระ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์อาจมีราคาแตกต่างกัน ชงโคพันธุ์หายากหรือมีลักษณะพิเศษอาจมีราคาสูงกว่า
  • ฟอร์มต้น: ต้นที่มีฟอร์มสวย ทรงพุ่มดี กิ่งก้านสมดุล จะมีราคาสูงกว่าต้นที่มีฟอร์มไม่สวย
  • แหล่งจำหน่าย: ราคาอาจแตกต่างกันไปตามแหล่งจำหน่าย เช่น ร้านขายต้นไม้ทั่วไป ตลาดต้นไม้ หรือสวนเพาะพันธุ์ขนาดใหญ่
  • ฤดูกาล: ในบางช่วงเวลา เช่น ช่วงที่ชงโคออกดอก อาจมีความต้องการสูงขึ้น ทำให้ราคาอาจปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

โดยประมาณ:

  • ต้นกล้า: 50 – 500 บาท
  • ต้นขนาดกลาง (สูง 1-3 เมตร): 500 – 3,000 บาท
  • ต้นใหญ่ (สูง 3 เมตรขึ้นไป): 3,000 บาทขึ้นไป (อาจถึงหลักหมื่นหรือหลายหมื่นบาท)

อ่านบทความดีๆกันแล้ว
แล้วอย่าลืม แอดไลน์ มาเป็นเพื่อนกัน เพื่อให้ท่านไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดีๆจากทางร้าน

เพิ่มเพื่อน

error: Content is protected !!