มกราคม 20, 2025

Blog

ไม้ผล 30 ชนิด : ปลูกไว้กินเองก็ดี ปลูกไว้ขายก็กำไรงาม

คลังบทความ
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

Last Updated on มกราคม 20, 2025 by admin


ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม้ผลเขตร้อนที่หลากหลาย รสชาติอร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ด้วยสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม ทำให้การปลูกไม้ผลเป็นทั้งอาชีพที่สร้างรายได้และเป็นกิจกรรมยามว่างที่สร้างแหล่งอาหารให้กับครัวเรือน บทความนี้จะพาท่านไปพบกับ 30 พันธุ์ไม้ผลที่น่าปลูกน่าลงทุน ไม่ว่าท่านจะเป็นเกษตรกรมืออาชีพ ผู้เริ่มต้น หรือเพียงแค่ผู้รักธรรมชาติก็ตาม

“ไม้ผล” หมายถึง ต้นไม้ที่ให้ผลผลิตเป็นผลไม้ ซึ่งมนุษย์สามารถนำมารับประทานได้ โดยทั่วไปแล้ว ไม้ผลมักเป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุหลายปี แต่ก็มีไม้ผลบางชนิดที่เป็นไม้ล้มลุก เช่น กล้วย สับปะรด ผลของไม้ผลมีทั้งที่รับประทานผลสุกและผลดิบ ไม้ผลมีความสำคัญทางเศรษฐกิจและโภชนาการ เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร

แนะนำไม้ผล 30 ชนิด ที่ น่าปลูก น่าลงทุน ในประเทศไทย

  1. มะม่วง
    • เป็นไม้ผลยอดนิยมที่มีหลากหลายสายพันธุ์ เช่น น้ำดอกไม้ เขียวเสวย และอกร่อง สามารถปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทย มะม่วงให้ผลผลิตดีในดินร่วนปนทรายและต้องการแสงแดดจัด นิยมบริโภคทั้งผลดิบและผลสุก โดยผลดิบเหมาะสำหรับการแปรรูป เช่น มะม่วงดองและมะม่วงกวน
  2. ทุเรียน
  3. เงาะ
    • ผลไม้เปลือกมีขนสีแดงหรือเหลือง พันธุ์ที่นิยมปลูกคือ เงาะโรงเรียนที่มีเนื้อหวานกรอบและแยกเมล็ดง่าย เงาะเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีฝนตกชุกและดินร่วนซุย
  4. ลำไย
    • ไม้ผลที่ให้ผลผลิตสูง นิยมปลูกในภาคเหนือ เช่น จังหวัดลำพูนและเชียงใหม่ พันธุ์ยอดนิยมคือ ลำไยสีชมพูและอีดอ ลำไยสามารถแปรรูปเป็นลำไยอบแห้งเพื่อเพิ่มมูลค่าได้
  5. มังคุด
    • ราชินีแห่งผลไม้ มีเปลือกหนา เนื้อขาวนุ่ม รสชาติหวานอมเปรี้ยว มังคุดต้องการดินที่มีความเป็นกรดเล็กน้อยและมีความชื้นสม่ำเสมอ เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก
  6. ส้มโอ
    • ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน เช่น พันธุ์ทองดี ขาวน้ำผึ้ง และขาวใหญ่ นิยมปลูกในภาคกลางและภาคตะวันออก ส้มโอมีขนาดผลใหญ่ เนื้อฉ่ำน้ำ และเปลือกสามารถใช้ทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้
  7. กล้วย
  8. ฝรั่ง
    • ผลไม้เนื้อกรอบ หวานหรืออมเปรี้ยว พันธุ์ที่นิยมปลูกได้แก่ ฝรั่งไร้เมล็ดและฝรั่งแป้นสีทอง ฝรั่งต้องการดินร่วนปนทรายและมีการระบายน้ำที่ดี เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี
  9. มะพร้าว
  10. สับปะรด
    • ผลไม้เมืองร้อนที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน เช่น พันธุ์ภูแลและปัตตาเวีย สับปะรดปลูกง่ายในดินร่วนปนทรายและแสงแดดจัด ใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูป เช่น น้ำผลไม้และสับปะรดกระป๋อง
  11. ชมพู่
    • มีหลากหลายพันธุ์ เช่น ชมพู่ทับทิมจันทร์และชมพู่เขียวอำพัน ชมพู่ต้องการดินที่อุดมสมบูรณ์และน้ำเพียงพอ ให้ผลผลิตเร็วและเป็นผลไม้ที่นิยมบริโภคสด
  12. ขนุน
    • ผลไม้เนื้อเหลือง มีกลิ่นหอมหวาน นิยมปลูกพันธุ์ทองประเสริฐและจำปา ขนุนสามารถใช้ประกอบอาหารได้ทั้งผลดิบและผลสุก
  13. กระท้อน
    • ไม้ผลที่ให้ผลใหญ่ เนื้อฟู รสชาติหวานอมเปรี้ยว เช่น พันธุ์ปุยฝ้าย กระท้อนเหมาะสำหรับการปลูกในดินร่วนปนเหนียวที่มีการระบายน้ำดี
  14. องุ่น
  15. ลิ้นจี่
    • ผลไม้ที่มีเปลือกสีแดง เนื้อขาว รสหวาน พันธุ์ฮ่องกงและจักรพรรดิเป็นที่นิยม ลิ้นจี่ปลูกได้ดีในภาคเหนือของประเทศไทย
  16. น้อยหน่า
    • ผลไม้เนื้อนุ่ม รสหวาน มีทั้งพันธุ์หนังและพันธุ์เนื้อ น้อยหน่าปลูกง่ายและให้ผลผลิตเร็ว เหมาะสำหรับการปลูกในดินร่วน
  17. มะขาม
    • ไม้ผลที่ใช้ได้ทั้งฝักอ่อนและฝักแก่ พันธุ์ยอดนิยมได้แก่ มะขามเปรี้ยวยักษ์ มะขามสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เช่น มะขามแช่อิ่มและมะขามเปียก
  18. มะละกอ
  19. พุทรา
    • ผลไม้รสหวานกรอบ เช่น พันธุ์ซีรีย์และพุทรานมสด พุทราเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายและพื้นที่แสงแดดจัด
  20. มะปราง
    • ผลไม้เนื้อหวานหอม พันธุ์ยอดนิยมคือ มะปรางหวานและมะยงชิด มะปรางเป็นไม้ผลที่ต้องการการดูแลรักษาดีเพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพสูง
  1. มะไฟ
    • มะไฟเป็นผลไม้เนื้อหวานอมเปรี้ยว มีขนาดผลเล็ก เปลือกสีเหลืองนวล และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมปลูกในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ มะไฟสามารถบริโภคสดหรือแปรรูปเป็นน้ำผลไม้และแยม เหมาะกับการปลูกในดินร่วนที่มีการระบายน้ำดี
  2. มะยม
    • มะยมเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เนื้อผลกรอบและฉ่ำน้ำ นิยมปลูกในทุกภาคของประเทศไทย เนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกง่ายและไม่ต้องการการดูแลมาก สามารถแปรรูปเป็นมะยมดองหรือใช้ในเครื่องดื่มสมุนไพรได้
  3. เสาวรส
    • เสาวรสเป็นผลไม้เลื้อยที่ปลูกง่าย ให้ผลผลิตเร็ว และมีรสเปรี้ยวเข้มข้น นิยมนำไปแปรรูปเป็นน้ำเสาวรส แยม หรือไอศกรีม สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในไทย ได้แก่ เสาวรสพันธุ์สีม่วงและพันธุ์สีเหลือง ซึ่งสามารถเติบโตในดินร่วนปนทรายและพื้นที่ที่มีแสงแดดจัด
  4. แก้วมังกร
    • แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีลักษณะเปลือกสีสันสดใส เนื้อในมีทั้งสีขาวและสีแดง รสหวานอมเปรี้ยว ปลูกง่ายและทนแล้งได้ดี นิยมปลูกในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก สามารถรับประทานสดหรือแปรรูปเป็นน้ำผลไม้และขนมหวาน
  5. ลองกอง
    • ลองกองเป็นผลไม้ที่มีเนื้อหวานฉ่ำ เปลือกบาง และกลิ่นหอม นิยมปลูกในพื้นที่ภาคใต้ เช่น นราธิวาสและยะลา ลองกองเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สร้างรายได้ดีในฤดูเก็บเกี่ยว
  6. แคนตาลูป
    • แคนตาลูปเป็นผลไม้ที่มีเนื้อหวานฉ่ำ กลิ่นหอม และรสชาติอร่อย เหมาะสำหรับการปลูกในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัดและดินที่มีการระบายน้ำดี สามารถเก็บเกี่ยวได้ในระยะเวลาสั้น ๆ และมีความต้องการสูงในตลาด ทั้งบริโภคสดและแปรรูป
  7. มะเฟือง
    • มะเฟืองเป็นผลไม้ที่มีลักษณะผลเป็นรูปดาวเมื่อผ่าขวาง เนื้อกรอบ ฉ่ำน้ำ รสเปรี้ยวหรือหวานขึ้นอยู่กับพันธุ์ เหมาะสำหรับการบริโภคสดหรือแปรรูปเป็นน้ำผลไม้และแยม มะเฟืองเติบโตได้ดีในดินที่มีการระบายน้ำดีและแสงแดดเพียงพอ
  8. ส้มเขียวหวาน
    • ส้มเขียวหวานเป็นผลไม้ที่นิยมบริโภคสดหรือคั้นเป็นน้ำผลไม้ มีเนื้อหวานฉ่ำน้ำ และกลิ่นหอมสดชื่น สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในไทย เช่น พันธุ์ปู่เจ้าหรือพันธุ์สายน้ำผึ้ง ส้มเขียวหวานต้องการดินร่วนที่มีความชุ่มชื้นและแสงแดดเพียงพอ
  9. ลูกพลับ
    • ลูกพลับเป็นไม้ผลเมืองหนาวที่นิยมปลูกในพื้นที่สูงของภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ผลมีสีส้มสด เนื้อหวาน กรอบ และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ นิยมนำไปบริโภคสดหรือแปรรูปเป็นลูกพลับแห้ง
  10. ฝรั่ง
    • ฝรั่งเป็นผลไม้ที่ปลูกง่าย ให้ผลผลิตตลอดปี ผลมีรสหวานกรอบและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น วิตามินซี นิยมบริโภคสดหรือแปรรูปเป็นน้ำฝรั่งและขนมหวาน พันธุ์ยอดนิยมในไทย ได้แก่ ฝรั่งกิมจูและพันธุ์แป้นสีทอง

เหตุผลดีๆ ที่คุณควรจะปลูกไม้ผลเอาไว้ในบ้านหรือสวน

  • เป็นแหล่งอาหารและโภชนาการ: ไม้ผลเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญ อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย การปลูกไม้ผลเองทำให้มั่นใจได้ถึงความสดใหม่ ปลอดภัยจากสารเคมี และสามารถเลือกรับประทานผลไม้ตามฤดูกาลได้
  • สร้างรายได้: การปลูกไม้ผลในเชิงพาณิชย์สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ แม้แต่การปลูกในพื้นที่เล็กๆ ก็สามารถแบ่งปันผลผลิตกับเพื่อนบ้านหรือจำหน่ายในชุมชนได้
  • ลดค่าใช้จ่าย: การมีไม้ผล ไว้เก็บเกี่ยวในสวนของท่านเอง นอกจากท่านจะมั่นใจได้ในความ สะอาดปราศจากสารเคมี ยังเป็นการช่วยลดรายจ่ายค่าอาหารอีกด้วย
  • เพิ่มพื้นที่สีเขียวและปรับปรุงสภาพแวดล้อม: ต้นไม้ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยก๊าซออกซิเจน ช่วยลดมลพิษในอากาศ และสร้างร่มเงาให้ความร่มรื่น การปลูกไม้ผลจึงเป็นการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม

ปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาในการเลือกไม้ผลที่จะปลูก

การเลือกไม้ผลให้เหมาะสมกับพื้นที่และวัตถุประสงค์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีและลดความเสี่ยงจากปัญหาต่าง ๆ บางท่านอาจปลูกไว้ทานเองในครัวเรือน บางท่าน อาจปลูกในเชิงธุรกิจ เป็นต้น

  • สภาพภูมิอากาศ: ควรเลือกไม้ผลที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของพื้นที่ เช่น อุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน แสงแดด ไม้ผลบางชนิดชอบอากาศร้อน บางชนิดชอบอากาศเย็น หรือบางชนิดต้องการช่วงแล้งเพื่อกระตุ้นการออกดอก
  • สภาพดิน: ควรตรวจสอบสภาพดินและความเป็นกรด-ด่างของดิน ม้ผลแต่ละชนิดมีความต้องการสภาพดินที่แตกต่างกัน บางชนิดชอบดินร่วนซุย บางชนิดชอบดินเหนียว หรือบางชนิดทนต่อดินเค็มได้ดี
  • แหล่งน้ำ: ควรมีแหล่งน้ำเพียงพอสำหรับการให้น้ำ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง การขาดน้ำอาจทำให้ต้นไม้แคระแกร็น ผลผลิตน้อย หรือถึงขั้นตายได้
  • พื้นที่: พิจารณาขนาดพื้นที่ที่มีอยู่และขนาดของต้นไม้เมื่อโตเต็มที่ ไม้ผลบางชนิดมีทรงพุ่มใหญ่ ควรปลูกในพื้นที่กว้าง หรือเลือกพันธุ์แคระถ้ามีพื้นที่จำกัด
  • ความต้องการของตลาด: หากปลูกเพื่อจำหน่าย ควรพิจารณาความต้องการของตลาดและราคาผลผลิต เลือกปลูกผลไม้ที่เป็นที่นิยมหรือมีแนวโน้มราคาดี
  • ความชอบส่วนตัว: เลือกปลูกผลไม้ที่คุณชอบรับประทาน เพื่อความสุขและความเพลิดเพลินในการดูแลและเก็บเกี่ยวผลผลิต
  • การดูแลรักษา: พิจารณาความยากง่ายในการดูแลรักษา เช่น ความต้องการปุ๋ย การป้องกันโรคและแมลง เลือกชนิดที่เหมาะสมกับเวลาและความสามารถในการดูแล
  • ระยะเวลาการให้ผลผลิต: ไม้ผลแต่ละชนิดใช้เวลาในการให้ผลผลิตแตกต่างกัน บางชนิดให้ผลผลิตเร็ว บางชนิดต้องใช้เวลาหลายปี ควรพิจารณาตามความต้องการ

ความเสี่ยงและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการปลูกไม้ผล

1. ความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ:

สภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของไม้ผล ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่:

  • ภัยแล้ง: การขาดแคลนน้ำเป็นเวลานาน ทำให้ต้นไม้เหี่ยวเฉา ผลผลิตลดลง หรือต้นไม้ตายได้
  • น้ำท่วม: น้ำท่วมขังทำให้รากเน่า ต้นไม้ตาย และผลผลิตเสียหาย
  • อุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป: อุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมส่งผลต่อการออกดอก ติดผล และการเจริญเติบโตของผล
  • พายุและลมแรง: ทำให้กิ่งหัก ผลร่วง และต้นไม้ล้ม
  • ลูกเห็บ: ทำให้ผลผลิตเสียหาย

2. ความเสี่ยงด้านโรคและแมลง:

โรคและแมลงเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อผลผลิตและคุณภาพของไม้ผล ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่:

  • โรคที่เกิดจากเชื้อรา: เช่น โรครากเน่า โคนเน่า โรคแอนแทรคโนส โรคราแป้ง
  • โรคที่เกิดจากแบคทีเรีย: เช่น โรคแคงเกอร์
  • โรคที่เกิดจากไวรัส: เช่น โรคใบด่าง
  • แมลงศัตรูพืช: เช่น เพลี้ย หนอน แมลงวันทอง

3. ความเสี่ยงด้านการจัดการ:

การจัดการที่ไม่ดีส่งผลต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของไม้ผล ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่:

  • การเตรียมดินที่ไม่ดี: ดินที่ไม่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของไม้ผล ทำให้ต้นไม้ขาดธาตุอาหาร หรือรากไม่สามารถเจริญเติบโตได้ดี
  • การเลือกพันธุ์ที่ไม่เหมาะสม: พันธุ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ทำให้ผลผลิตไม่ดี หรือต้นไม้ไม่เจริญเติบโต
  • การให้น้ำและปุ๋ยที่ไม่เหมาะสม: การให้น้ำและปุ๋ยไม่เพียงพอหรือมากเกินไป ส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตและผลผลิต
  • การตัดแต่งกิ่งที่ไม่ถูกต้อง: ทำให้ต้นไม้ไม่แข็งแรง หรือผลผลิตน้อย
  • การเก็บเกี่ยวที่ไม่เหมาะสม: ทำให้ผลผลิตเสียหาย หรือคุณภาพไม่ดี

4. ความเสี่ยงด้านตลาดและราคา:

ราคาผลผลิตทางการเกษตรมีความผันผวนตามกลไกตลาด ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่:

  • ราคาผลผลิตตกต่ำ: ทำให้รายได้ลดลงหรือขาดทุน
  • ความต้องการของตลาดเปลี่ยนแปลง: ทำให้ผลผลิตขายไม่ออก
  • คู่แข่งทางการตลาด: ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดลดลง

5. ความเสี่ยงด้านอื่นๆ:

นอกจากความเสี่ยงที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่:

  • ปัญหาแรงงาน: การขาดแคลนแรงงาน หรือค่าแรงที่สูงขึ้น
  • ปัญหาเงินทุน: การขาดแคลนเงินทุนในการลงทุน หรือการกู้ยืมเงิน
  • ปัญหาภัยธรรมชาติอื่นๆ: เช่น ไฟป่า แผ่นดินไหว

การจัดการความเสี่ยง:

เกษตรกรและผู้ที่สนใจปลูกไม้ผลสามารถจัดการความเสี่ยงเหล่านี้ได้โดย:

  • ศึกษาข้อมูล: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับไม้ผลที่ต้องการปลูก สภาพพื้นที่ และปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • วางแผนการผลิต: วางแผนการผลิตอย่างรอบคอบ ตั้งแต่การเลือกพันธุ์ การเตรียมดิน การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว และการตลาด
  • ใช้เทคโนโลยี: ใช้เทคโนโลยีทางการเกษตรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศ เช่น ระบบน้ำหยด ระบบพยากรณ์อากาศ
  • ทำประกันภัยพืชผล: เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ
  • รวมกลุ่ม: รวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง และลดต้นทุนการผลิต

การปลูกไม้ผลทั้ง ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารในระดับครัวเรือนและชุมชน แต่ยังเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนสำหรับเกษตรกรและผู้ที่สนใจ

เพิ่มเพื่อน

error: Content is protected !!